10/23/2012

แคมป์ที่ อัปเปอร์ แคนาดา


Park of the St.Lawrence Canada

            St.Lawrence River มีหมู่เกาะมากมายเรียงรายอยู่เป็น 1000 เกาะ เราตัดสินใจไปพักผ่อนที่  Upper Canada Migratory Bird Sanctuary Camp ground. ที่นี่เป็นแหล่งรวมของหมู่นกอพยพของ แคนาดา ครอบคลุมที่ดินทีอยู่ของนก 9,000 ไร่  มีนกกว่า 200 ชนิด
            สถานที่นี้ ก่อตั้งขึ้น ในปี 1961  ในสวนสาธารณะ โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับวิหารเซนต์ลอว์เรน ซึ่งปัจจุบันมีผู้เข้าชมนก และตั้ง Camp  พักผ่อนมากมาย  ระยะทางจากเส้นทางถนนสายหลัก เข้าไป 8 km จะมีเส้นทางเดินป่า  เส้นทางไปเล่นสกี  ค่ายพักแรม  พายเรือแคนู
และมีโปรแกรมการศึกษาธรรมชาติกลางแจ้ง และกิจกรรมพิเศษ ของลูกเสือ

   




 ข้อมูลที่ได้จาก office  รายละเอียดของสถานที่



                     ที่หน้า office  ฉันไปติดต่อในตอนเช้า เมื่อคืนมาถึงดึกเกินไป จึงเข้าไปที่ Campsite 
และพักผ่อน มีสถานที่สำหรับ motor home ตั้ง camp เพราะจองผ่าน website ไว้ล่วงหน้า  
                     เช้านี้ ฉันซื้อไม้สำหรับก่อกองไฟ 2 ถุง  ( ถุงละ 5 $) เพื่อสร้างบรรยากาศรอบกองไฟ
อากาศมันหนาวเย็นและลมพัดแรง  จำเป็นต้องมีกองไฟเมื่อมีกิจกรรมอยู่นอกตัวรถ  ในรถอบอุ่น
เพราะมี heather    
                    



ห่านและนกเป็ดน้ำ หลากหลายนับไม่ถ้วน บินขึ้นลงเป็นฝูง
เจ้าหน้าที่ให้อาหารในช่วงบ่าย  นกจะบินกลับมาที่นี่มากในช่วงนั้น 
คนก็จะพากันมาชมนก   บางคนมาชมและเดินออกกำลังกายแล้วกลับบ้าน ไม่ได้ค้างคืน  


ฝีมือถ่ายภาพ ของฉัน ไม่ดีนัก แต่ก็ภูมิใจ
ที่ได้นำเสนอภาพ 


หน้า Campsite มีสมาชิกมาอยู่ก่อนเรา


เดินชมธรรมชาติ ต้นไม้เปลี่ยนสี มีสีเหลือง สีแดง สีน้ำตาล สีเขียว คละกันไป
ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูกาลที่สวยงามมาก 


มุมมองนี้ เห็นอาคารที่ใช้เป็นส่วนรวม สำหรับผู้ที่ต้องการใช้ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ
มีน้ำอุ่น ตลอดเวลา น้ำไหลแรง  ห้องน้ำสะอาดมาก  แต่ส่วนมากจะอาบน้ำใน รถ Motor home 



ญาติๆ พี่สาวของเรา เดินจากเมืองที่อยู่ไกล้เคียงเช่น Kingston และ South Mountain Canada
เพื่อมาร่วมกิจกรรม รับประทานอาหารร่วมกัน  




 เดินชมชายหาดซึ่งเต็มไปด้วยใบไม้ร่วง 


ความสวยงามของ St.Lawrence River  ซึ่งกว้างใหญ่ 
อยู่ระหว่างประเทศแคนาดาและประเทศอเมริกา 


 พี่สาวแสนดี ทำ Cake เล็กๆ มาให้ พร้อมการ์ดแสดงความยินดีกับเรา 
ในวาระที่ครบรอบวันแต่งงาน
รู้สึกประทับใจและขอบคุณ ความรู้สึกของญาติๆ ที่มอบให้กับเรา


 พี่สาวที่เกษียณราชการแล้วและหลานสาวของเธอ หลบลมเย็นมานั่งในรถ 
แล้วเราทุกคนก็ตามขึ้นมา   ดื่มกาแฟและพูดคุย




 พ่อครัวประจำ Campsite  ทำ BBQ และ แฮมเบอร์เกอร์


 หลานสาว อายุ 4 เดือน 
อบอุ่นอยู่ในรถเข็น ภายใต้ผ้าห่มนวมหลายผืน



ชอบป้ายนี้จังเลย โปรดระวัง เต่า


 เช้าวันต่อมา เราก็เดินทางกลับ เมืองออตตาวา แคนาดา
ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง



10/19/2012

เวลเลสลีย์ State Park, USA.


WELLESLEY ISLAND  STATE  PARK, USA.

   Wellesley Island State Park  เป็นสวนสาธารณะ  ตั้งอยู่ในเมือง  Orleans  รัฐ New York



เวลเลสลีย์ Island State Park มีความซับซ้อนการตั้งแคมป์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคพันเกาะ
มีที่รกร้างว่างเปล่าตั้งอยู่ตามริมฝั่งแม่น้ำเซนต์ Lawrence ซึ่งจะสามารถเข้าถึงได้ด้วย
การเดินเท้าหรือเรือ ภายในชนบทแห่งนี้เป็นสวรรค์ของการตกปลา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีปลาชนิดหนึ่งสำหรับตกได้ในฤดูใบไม้ร่วง
เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว.   อุทยานมีบริการเต็มรูปแบบมารีน่าและเรือ
มีหาดทราย.  และสถานที่อาบแดด. มีสถานที่นันทนาการ  และสนามกอล์ฟ 9 หลุมบนเกาะ

หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลักของอุทยานเป็นศูนย์ Minna ธรรมชาติ
รวมถึงพิพิธภัณฑ์ที่อยู่อาศัยแตกต่างกันเช่น พื้นที่ชุ่มน้ำป่า 3 กิโลเมตรจากชายฝั่ง
เปิดเส้นทางสำหรับการเดิน ป่า, เล่นสกีข้ามประเทศและธรรมชาติ
การศึกษา ศูนย์ธรรมชาติให้โปรแกรมการศึกษาและพักผ่อนหย่อนใจสำหรับทุกเพศทุกวัย 


ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เดือนตุลาคม  เราออกเดินทางมาตามเส้นทาง ในแผนที  ด้วยรถมอเตอร์โฮมส่วนตัว
จากข้อมูลใน website บอกว่า
    Directions :   Take Route  81  to Exit  51,   the thousand  Islands International Bridge. 
Cross the bridge to the park  entrance.  


ถึงแล้ว  ป้ายบอกทางแล้วเข้า  Wellesley  Island   State Park


บรรยากาศสวยงาม เงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน


ภูมิศาสตร์:

เลสลีย์ Island State Park ตั้งอยู่บนเกาะเลสลีย์ในเซนต์ Lawrence แม่น้ำ มันเป็นส่วนหนึ่ง
ของเมืองออร์ลีนในเจฟเฟอร์สันเคาน์ตี้

Recreation:

พาร์คมีกิจกรรมจากชายหาดในฤดูร้อนว่ายน้ำและตกปลา
เล่นสกีน้ำแข็งข้ามประเทศและ snowshoeing ผู้เข้าชมสามารถเพลิดเพลิน
กับกิจกรรมในช่วงฤดู​​ร้อนหลายอย่างเช่น; การเล่นสกีขี่จักรยาน,
พายเรือเจ็ทและน้ำตกปลาเล่นกอล์ฟและการเดินป่า,
 ไม่มีอุปกรณ์ให้เช่าที่สวนสาธารณะ

ยังสามารถเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มีส่วนร่วมในการจัดสวนกิจกรรมนันทนาการและปิกนิก
ศูนย์ธรรมชาติมีเส้นทางสำหรับคนพิการสามารถเข้าถึงที่มีการเข้าถึงตารางปิกนิก
และบ้านผีเสื้อตามฤดูกาล

สิ่งอำนวยความสะดวก:

สวนมีชายหาด, ท่าจอดเรือ, เว็บไซต์เรือ, พายเรือ, เรือ dockage, ฝักบัว, 
ปะปนสถานีทิ้งฝักบัว, สัมปทานอาหาร, สนามกอล์ฟ, เส้นทางศึกษาธรรมชาติ, 
พิพิธภัณฑ์และศูนย์นักท่องเที่ยว, ตารางปิกนิก, สนามเด็กเล่น, และสนามเด็กเล่น
สถานที่ซักรีดนอกจากนี้ยังมีที่เก็บค่ายสวนสาธารณะมีสิ่งอำนวยความสะดวก
สำหรับตั้งแคมป์กลุ่ม

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง:

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงรวมถึง Point State เรือแคนูปิคนิค-Park, หญ้า Point State Park,
Dewolf Point State Park, Waterson Point State Park, และเลสลีย์สนาม Island State Golf Park



          Payment for  Camp   เราจ่ายค่าตั้ง Camp  ใน Park   81 $ (  2,430  บาท )  ใช้เวลา 2 คืน
เข้าไปถึงค่ำวันศุกร์ และออกเช้าวันอาทิตย์  บางคนก็ใช้เต้นส์ผ้าใบ  สำหรับนอน  บางคนก็เช่าเคบิน หรือกระท่อมเล็กๆ




         วันที่มาเข้า Camp ground  อากาศไม่หนาวนัก ประมาณ 10C   แต่เราก่อไฟ เพราะชอบ
มีไฟใน Camp  อีกทั้งไกล้ค่ำแล้ว 




                  พ่อครัวประจำ Camp  คุณ Jeffrey  make BBQ  for  dinner.ที่นี่เขาจะดื่มกาแฟ
 บ่อยครั้งต่อวัน ฉันก็เลยดื่มเหมือนกัน  แต่เป็นกาแฟที่ติดตัวมาจาก Thailand  ส่วนอาหาร เขาทำอะไร
 ก็ต้องกินกับเขา   นานครั้งถึงจะได้รับประทานอาหารไทย


         อาคารสำหรับจัดกิจจกรรมสังสรรค์ ของผู้เข้า Camp  ทั้งกลุ่มเล็ก กลุ่มใหญ่่  คล้ายหอประชุม
แต่อาคารที่นี่ไม่ได้เปิดโล่ง  เมืองมันหนาว ต้องมี heather  ในอาคารตลอดเวลา


            ตอนเช้าก่อนออกจาก Camp ground  เข้าไปดูส่วนนี้ของ Park   มีท่าเรือ และเรือบริการ
แต่วันนี้ฝนตกเล็กน้อย  ทำให้อากาศหนาวเย็นกว่าเดิม  ฉันเพิยงได้เก็บภาพสวยงาม ไว้นิดหน่อย  ไม่ได้ลงไปที่ท่าน้ำ                  


              แต่ก็อดทีจะลงจากรถไปเก็บภาพตัวเองไว้ด้วยเป็นหลักฐาน ว่าได้มาจริงครั้งหนึ่งในชีวิต
        


                  แล้วก็ถึงเวลา เดินทางกลับ ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย  แต่มีบรรยากาศที่อบอุ่น
     ในรถ Motor home  คันเล็กของเรา

10/18/2012

เที่ยวออตตาวา ตุลาคม 2012

            ใกล้จะปิดเทอมเดือนตุลาคมอีกครั้ง  ต้องไปเที่ยวที่ประเทศ Canada อีกครั้ง  วางแผนว่าจะไปหลายที่หลายเมือง แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์   ซื้อตั๋วไว้ล่วงหน้าตั้งสองเดือน  เพื่อเอาไปแนบกับเอกสารที่ขอวีซ่าท่องเที่ยว  และเพื่อความสบายใจว่าได้ไปแน่นอน
             แล้วฉันก็ได้วีซ่า กำหนดวันเดินทาง ต้นเดือนตุลาคม ซึ่งก็เป็นฤดูใบไม่ผลิที่แคนาดา  ระยะเวลาที่อยู่ที่โน่นไม่นานนัก เพียงสามอาทิตย์ แต่ก็จะใช้เวลาให้คุ้มค่า เก็บภาพและความรู้ในสิ่งใหม่ๆ
กลับมาฝากคุณผู้อ่านที่ติดตาม
            ผู้ติดตามอ่าน ฉันมั่นใจว่า วันนี้มีอย่างน้อย 3 คน  แต่อีกสิบปีข้างหน้า อาจมีมากมายนับไม่ถ้วน ใครจะรู้ได้  และเวลานั้นฉันอาจท่องเที่ยวแดนไกลเช่นนี้อีกไม่ไหว  อาจจะนั่งนับเงินนับทอง
ในออฟฟิตอย่างเดียว ก็เป็นไปได้
            ใช้ช่วงเวลานี้ เก็บเกี่ยวความฝัน ที่เคยฝันไว้มานานแสนนาน จะไปให้สุดปลายฟ้า
สุดปลายฝัน   ฉันไม่ต้องตามล่าหาความฝันที่มันเป็นไปไม่ได้ ไม่มีจริง  แต่ฝันของฉันสัมผัส
และแตะต้องได้ มันอบอุ่นอ่อนหวาน และปลอดภัย

                ครั้งแรกที่เดินทาง โดยสายการบินแอร์คานาดา ผ่านฮ่องกง ถึงแวนคูเวอร์ ประเทศคานาดา แล้วต่อเครื่อง อีกประมาณ สี่ชั่วโมง เพื่อไปเมืองหลวงออตตาวา  เมืองที่มีบ้านของฉัน
               ครั้งนี้ ฉันไปเส้นทางใหม่ ใช้เวลานานกว่าเส้นทางเดิม เพราะมีเวลาพักผ่อนในสนามบินมากมาย เลือกเส้นทางนี้ เพราะฉันเป็นนักท่องเที่ยว ต้องการรู้เห็น สถานที่ต่างๆ ที่มีอยู่ในโลกนี้ และมีโอกาสได้ไป  เส้นทางใหม่ กรุงเทพ-บอมเบย์  บอมเบย์-ลอนดอน  ลอนดอน-ออตตาวา

 วันเดินทาง สู่โลกตะวันตก  อีกครั้ง 
มีลูกชาย สองหนุ่มมาส่ง  อีกหนึ่งหนุ่ม ติดสอบสำคัญ ส่งแต่ใจมาส่ง





บอร์ดที่บอก Gate จะต้องไปรอขึ้นเครื่อง  ที่สนามบินใน London



              บริเวณที่พักผู้โดยสาร  มากมายไปด้วยผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติ ทุกทวีปในโลก





เข้า Gate เพื่อขึ้นเครื่อง  บินสู่ประเทศ Canada


 บนเครื่องที่ ผู้โดยสาร เงียบสงบและหลับ  มีเพียงวีดีโอหน้าที่นั่งที่เล่นไปเรื่อยๆ

           
        ถึงสนามบิน  Ottawa  ภาพที่ได้ไม่ชัด ถ่ายเองบนเครื่อง  ฝีมือสมัครเล่นค่ะ


             

 แล้วจะมาเล่าเรื่องที่ได้ท่องเที่ยวในแถบนี้  อีกครั้งนะคะ 
สวัสดีค่ะ

Followers