1/28/2012

ท่องเที่ยวCanada 2012

บินลัดฟ้าถึง Canada2012

ครั้งที่ 4 ที่ฉันจะได้บินไปสู่ฝันที่วาดหวังไว้ตั้งแต่ยังเป็นเด็กนักเรียน
ฝันไว้ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ฝัน
แล้วฝันก็เป็นจริง เมื่อฉันมีอายุขึ้นต้นด้วยเลข 5 อยากจะบอกให้คนรุ่นหลัง
วาดหวังเอาไว้ มุ่งมั่นในสิ่งที่ปาราถณา แล้วสักวันหนึ่งเราก็จะได้พบกับฝันที่เป็นจริง

เมษายน 2010 เป็นครั้งแรกทีบินไป Canada
ฉันเดินทางท่องเที่ยวเมืองต่างๆ ในรัฐฟลอริด้า ประเทศอเมริกา ไปโดยสายการบิน Wetjet airline
แล้วก็เช่ารถคันเล็กสีแดงสำหรับท่องเที่ยวในรัฐนี้
อาทิเช่น Daytona Beach Desoto Park เมือง St. Petersburg
Downtown Disney world เมืองOrlando สนามซ้อมแข่งรถCalabogie Motorsport Park

ตุลาคม 2010 เป็นครั้งที่สอง ซึ่งตรงกับฤดูใบไม้ร่วง ตรงกับเทศกาลขอบคุณพระเจ้า
เรามีรถส่วนตัว Motor Home จึงใช้รถเป็นสถานที่พักและพักที่แค้มป์ หลายแค้มป์ สดวกและสนุก
อาทิเช่น
Maccreary's Beach ใน Canada และพักที่ Watkins glen State Park
เมืองในประเทศอเมริกาตอนเหนือและท่องเที่ยวที่เมืองนิวยอร์ค เมืองหลวงของประเทศอเมริกา
เป็นรายการสุดท้าย แต่ประทับใจมากเพราะผู้นำทางท่องเที่ยว พาขึ้นรถไฟใต้ดินผิด
สถานีที่ขึ้นรถไฟใต้ดินกับสถานีที่จะลง เป็นสถานีเดียวกัน
สนุกดี และตื่นเต้นมาก

เมษายน 2011 เป็นครั้งที่สาม ตรงกับฤดูใบไม้ผลิ
ครั้งนี้ เดินทางครั้งนี้ ยาวไกล และใช้รถ Motor Home คันโปรด ไม่ได้พักใน Camp ground
เพราะเดินทางไกลกว่าจะถึง รัฐ Virginia จึงพักในโรงแรมในระหว่างการเดินทาง
เมื่อเหนื่อยและต้องการพักผ่อน
ขากลับผ่านเมืองที่ สวยงามมากมาย เช่น Virginia Beach เมือง White haven
Pennsylvania และ เมืองชายแดนBinghamton New York

ทุกๆครั้งฉันเขียนรีวิวไว้ใน blog ของฉัน ติดตามอ่านนะคะ เก็บไว้ให้ลูกหลานอ่าน
หรืออาจจะอ่านเองเมื่อแก่ตัว แล้วก็คิดถึงวันเวลาที่เคยบินไปในโลกกว้าง

ปีนี้ 2012 ปิดภาคฤดูร้อน ฉันคงไปแน่นอน
สัปดาห์สุดท้ายของเดือนมีนาคม คงจะเริ่มต้นบินไป เส้นทางไหนยังไม่รู้ รออีกหน่อย
รู้สึกตื่นเต้นและ ดีใจที่จะได้ท่องเที่ยวอีกครั้ง และจะเก็บรายละเอียดมาฝากไว้ที่ blog
ของฉัน

ที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือยังรอวีซ่าจากสถานทูตแคนาดา และจะเข้าสัมภาษณ์กับสถานทูต
ของอเมริกา ในสัปดาห์ถัดไป หวังไว้ว่า คงผ่านตลอด ฉันมี positive thinking เสมอ
และขอให้ได้สมใจปรารถณา

หลังจากรอมา 3 วันก็ได้รับ passport ที่มี visa USA. 10 ปี ดีใจที่สุด
ฉันจะไปเที่ยวรอบโลกให้ฉ่ำใจไปเลย ตอนนี้รอ รอ และรอเวลาที่ปิดภาคฤดูร้อน
ระหว่างที่รอ visa ก็ซื้อตั๋วไว้รอ เพราะมีบางช่วงเวลาที่ได้ราคาถูกสุด ถ้าซื้อไม่ถูกช่วงเวลา
ที่มีโปรโมชั่น ต้องจ่ายเพิ่มอีก หลายร้อยเหรียญ ค่าภาษีสนามบิน จองได้แล้ว

วันนี้ได้เส้นทางไป Ottawa เรียบร้อยแล้ว
ไปและกลับด้วย เลือกเอาราคาถูกที่สุด เลือกวัน เวลาที่ซื้อด้วยถึงได้ราคานี้
ไม่ได้ไปทางฮ่องกง หรือญี่ปุ่น แต่เดินทางผ่าน บอมเบย์ ลอนดอนแล้วตรงสู่ Ottawa
จากสุวรรณภูมิถึงบอมเบย์ 4 ชั่วโมง 25 นาที พักรอต่อเครื่องที่ บอมเบย์ 2 ชั่วโมง 5 นาที
จากบอมเบย์ถึงลอนดอน 9 ชั่วโมง 30 นาที พักรอต่อเครื่องที่ลอนดอน 8 ชั่วโมง 30 นาที
จะทำอะไร ดีหนอ ระหว่างที่รอ รอ รอ ตั้ง 8 ชั่วโมง 30 นาที เดินทางคนเดียว ไม่มีเพื่อนคุย
ภาษาก็ไม่เก่ง แค่ Hello yes No Okay good bye เฮ้อ
จากLondon ถึง Ottawa 7 ชั่วโมง 35 นาที รวมทั้งหมด 32 ชั่วโมง 5 นาที

ไปติดต่อที่ขนส่งจังหวัด เพื่อขอใบขับขี่ระหว่างประเทศ ( international driving permit )
จ่ายค่าธรรมเนียม ประมาณ 500 บาท สามารถใช้ได้ 1 ปี เท่านั้น ก็ยังดี เผื่อว่าได้ขับรถ
ไม่จำเป็นก็จะไม่ขับหรอกนะ เพราะทราบว่าไม่เหมือนที่เมืองไทย และไม่รู้เส้นทางจากไหนไปไหน
ชอบที่จะนั่งเป็นคุณนาย แต่ว่าจะไม่มีใครว่างบริการเรานะซิ คนอื่นเขาทำงานมีเพียงอยู่ในช่วง
vacation

อีกสามวัน ก่อนจะเหิรฟ้าแล้ว ได้รับการแจ้งข่าวว่า
ไม่สามารถขนกระเป๋าไปได้หลายใบ ตอนแรกคิดว่าจะเอาไป 2 ใบใหญ่โหลดลงเครื่อง
และกระเป๋าใบเล็ก ถือขึ้นเครื่อง แต่ เพราะ Air Canada แจ้งข่าวในปลายปี 2011 ไว้
ล่าสุดว่า กระเป๋าใบที่สองต้องเสียค่าธรรมเนียม 70$ ทุกๆ เส้นทาง
ฉันตัดใจเอาไปเพียงสิ่งของจำเป็น และแล้ว ฉันก็มาถึง Ottawa ผ่านมาหลายวันแล้ว กำลังปรับตัว ปรับเวลา เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ชาวบ้านเค้าไม่หนาว แต่ฉัน ตัวสั่นเลย หนาวยะเยือก ถ้ามาเจอหิมะจริงๆ จะเป็นไงหนอ ตื่นเต้น อยากแชร์ ประสบการณ์ค่ะ แบ่งปันสิ่งที่เห็นค่ะ อยู่บนเครื่องและรอต่อเครื่องที่สนามบิน 31 ชั่วโมง จาก สุวรรณภูมิ-Bombai-London- Ottawa เหนื่อยค่ะ แต่ถ้ามีเพื่อนเดินทางคงไม่เหนื่อย คนเดียว ไม่รู้จะคุยกับใคร อยู่บนเครื่อง ก็พูดแค่ Chicken fish, rice water juice ถ้าฉันไม่เข้าใจคำถามก็ชี้ไปที่กล่อง ที่ขวดน้ำ ส่วนอาหารก็บอกว่า you choose for me please ฮิฮิ แอร์เข้าใจ และฉันก็ได้ทานอาหารบนเครื่องเหมือนคนอื่่นเขา วันแรกที่มาถึง มีญาติและสามีสุดที่รักไปรอรับ ตั้ง 5 คน ดีใจมาก คิดว่าจะมีแค่คนเดียวที่มารอ แต่กว่าจะออกมาจาก สนามบินได้ ช้ากว่าคนอื่น เพราะต้องเข้าไปรับการสัมภาษณ์จากเจ้าหน้าที่ ในสนามบิน สองรอบแน่ะ เขาต้องบันทึกข้อมูลส่วนตัวของฉันในคอมพิวเตอร์ ไม่ได้สอบถามเฉยๆ เหมือนคนอื่นๆ อาจจะเป็นเพราะสีผมมั๊ง ไม่ได้ตอบคำถามอะไรมากมาย เพราะฉันเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ยื่นเอกสารทั้งหมด มี ใบซื้อตั๋วไปกลับ พาสปอร์ต สำเนาพาสสปอร์ตของสามี พร้อมโทรศัพท์ และที่อยู่ เขาก็ถามง่ายๆ มาทำไม จะมาอยู่กี่วัน คิดจะมาอยู่ที่นี่ตลอดไปไหม ทำงานอะไรที่เมืองไทย ฉันตอบสั้นๆ ( ภาษาอังกฤษอ่อนแอ ) แต่เขาเข้าใจ รู้เรื่อง เจ้าหน้าที่สุดหล่อจบการสัมภาษณ์ ด้วยคำว่า you are very good and perfect พร้อมทั้งยกนิ้วหัวแม่มือให้ ทั้งสองข้าง welcome to Canada. ฉันรีบขอบคุณ แล้ว เดินตามลูกศร ออกมาข้างนอก wow ดีใจเป็นที่สุด





วันแรกที่มาถึงก็ได้ไป รับประทานอาหารเที่ยงที่ China town มีหิมะโปรยปรายเบาๆ ทำให้ชื้นแฉะ เสียดายไม่ได้เห็นหิมะจริงๆ แต่สามีที่รัก บอกว่าจะพาเข้าไปดูที่ รัฐนิวยอร์ค บางเมืองยังคงมีหิมะให้ดูอยู่ แต่คงเล่นสกีไม่ได้แล้ว หมดฤดูกาลหิมะตกหนัก ได้ถ่ายรูปนิดหน่อย ขณะนั่งรถไปกินเมี่ยงญวน ก๋วยเตี๋ยว และผัดไทย
ยังรู้สึกเหนื่อย ต้องการอาหารที่เคยกินมากๆ หน่อย เลยต้องมาที่นี่ จำชื่อร้านไม่ได้ แต่รสชาด อร่อยมาก แวะซื้อ ตะไคร้ ใบมะกรูด ผักชี หอม มะนาว น้ำปลา อะโห สบายละเรา ตู้เย็นที่บ้านก็ใหญ่มาก วันต่อไปค่อยกินอาหาร Canadian.
อากาศวันถัดมา มีแสงแดด แต่เย็นจัด ออกจากบ้านเพื่อเดินเล่นออกกำลังกาย แต่ต้องมีเสื้อผ้ามากๆ เพื่อความอบอุ่นให้มากที่สุด แว่นกันแดดที่ใส่ ไม่ได้ใส่เพื่อ กันแดด แต่เพื่อกันลมเย็นที่พัดกระโชกเข้าสายตาเป็นระลอก
อากาศที่นี่ ช่วงนี้ 0 C ถึง 15 C เปลี่ยนไป เปลี่ยนมาทุกวัน สำหรับฉันแล้วมันหนาวทุกวันแหละ
แต่อยู่ในบ้านมี ฮีทเตอร์ อุ่นๆ อยู่ได้สบาย และแล้ววันหน่งก็มีหิมะตก โปรยปราย ตั้งแต่ตอน
กลางคืนจนถึงเช้า ชาวบ้านแถวนี้ก็ยังดำเนินชีวิตไปตามปกติ  จิ๊บจ้อย  



ถ้าวันไหนมีแสงแดดบ้าง ฉันก็จะเดินออกกำลังกายไปตามสวนสาธารณะ หรือไม่ก็เดินดูบ้านเมืองไปตามถนนออกกำลังกาย และดูบริเวณใกล้เคียงตามลำพัง  แต่ถึงจะมีแสงแดด แต่ลมที่พัดมาก็แรงและเย็นจัด ใส่เสื้อผ้ากันลมกันหนาว พร้อมสรรพ

บางวันก็ไม่เดินไปไหน ไกลนัก เพราะสู้ลมเย็นไม่ไหว แต่จะอยู่ในบ้านตลอดวัน ก็ไม่ดีหนัก จงออกเดินรอบๆ บ้านตัวเอง ชมดอกไม้ของเพื่อนบ้านใกล้เคียง ดอกทิวลิบกำลังแทงช่อดอกออกมา ยังไม่บานเต็มที่นักรออีกสักเดือน  ต้นเดือนพฤษภาคม คงบานเยอะแล้ว





วันสุดสัปดาห์ยามเย็น ก็จะขับรถเล่น เข้าไปทานอาหารเย็นใน downtown  ย่านศูนย์การค้า  ก็ได้
เก็บภาพสถานที่ เวลาที่ขับรถผ่าน  ไม่หยุดรถ เพราะหาที่จอดรถลำบากมาก  ไม่ว่าง







1 comment:

  1. Uttaradit Rajabhat University
    Ladyboys cannot thrive or succeed in society without individual and institutional sponsors. I am proud to say that Uttaradit Rajabhat University, my university, is finally becoming a leader in ladyboy rights. We have taken three steps to promote and secure ladyboy freedom. First, our student dormitories have a new ladyboy section in addition to the male and female sections. I have volunteered to be the Ladyboy dorm advisor and have already planned for a variety of pajama parties. Second, we have created a ladyboy mentoring program for ladyboys facing bullying or harassment. Finally, we have created a "Ladyboy for a Week" campaign where the President and Deans of Uttaradit Rajabhat University dress and act as Ladyboys around campus and at home for a week. I helped the President dress as a ladyboy and applied his make-up and it was all good fun. Any individuals or institutions wishing to folow the lead of Uttaradit Rajabhat University should contact me for more details.

    ReplyDelete

Followers